ภาพน่ารัก

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บิดา มารดาผู้ที่ให้กำเนิดเรา




พระคุณ บิดา มารดา 
          พ่อแม่เป็นทั้งผู้ให้กำเนิดและเป็นผู้เลี้ยงดูเรา ตอนที่เรายังเด็กๆ ฉะนั้นเราควรตอบแทนท่านเมื่เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แล้วท่านแก่เฒ่า หรือยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มที่เราก็ช่วยแบ่งเบาภาระเท่าที่เราจะช่วยได้เพราะพระคุณของท่านที่มีต่อเรามันช่างมากมายตอบแทนอย่างไรก็ไม่หมด
          ความรักของพ่อแม่ถึงท่านจะไม่แสดงออกทางคำพูดแต่เราก็สามารถสังเกตเห็นได้โดยดูจากความเป็นห่วงเป็นใยที่ท่านมีให้เราแม้ว่าท่านจะไม้แสดงออกมากแต่ในใจท่านเป็นห่วงเรามาก
           การตอบแทนพระคุณท่านทำได้หลายแบบแล้วแต่ขนาดนี้เราอยู่ในวัยอะไรถ้าเราอยู่ในวัยเรียนเราควรตั้งใจเรียนช่วยแบงเบาภาระทางบ้านและช่วยงานต่างๆเท่าที่เราจะช่วยได้  ถ้าอยู่ในวัยทำงานเราควรทำงานหาเลี้ยงท่านเหมือนที่ท่านเลี้ยงเรา    เชื่อว่าพ่อแม่ทูกคนรักลูกแล้วอยากให้ลูกได้ดี

การไหว้อย่างถูกวิธี


                      
    ระดับที่ 1 ไหว้พระรัตนตรัย        ระดับที่ 2 ไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส    ระดับที่ 3 การไหว้บุคคลทั่วไป

การไหว้
การไหว้แบบไทยแบ่งออกเป็น 3 ระดับบุคคลดังนี้

ระดับที่ 1 ได้แก่ การไหว้พระรัตนตรัยรวมทั้งปูชนียสถาน ที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ในกรณีที่ไม่สามารถกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ได้ โดยประนมมือให้นิ้วหัวแม่มือจรดระหว่างคิ้ว ปลายนิ้วชี้จรดส่วนบนของหน้าผาก
ชาย ยืนตรง ค้อมตัวลงให้ต่ำพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้
หญิง ยืนตรง ย่อเข่าลงให้ต่ำโดยถอยเท้าข้างใดข้างหนึ่งตามถนัด พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้
ระดับที่ 2 การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส ได้แก่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ครู อาจารย์ และ ผู้ที่เราเคารพนับถืออย่างสูง โดยประนมมือให้หัวแม่มือจรดปลายจมูก ปลายนิ้วชี้จรดระหว่างคิ้ว
ชาย ยืนตรง ค้อมตัวลงน้อยกว่าระดับการไหว้พระพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้
หญิง ยืนตรง ย่อเข่าลงน้อยกว่าระดับการไหว้พระ โดยถอยเท้าข้างใดข้างหนึ่งเล็กน้อยพร้อมยกมือไหว้
ระดับที่ 3 การไหว้บุคคลทั่วไปที่เคารพนับถือหรือผู้มีอาวุโส โดยประนมมือยกขึ้น ให้หัวแม่มือจรดปลายคาง ปลายนิ้วชี้จรดปลายจมูก
ชาย ยืนตรงค้อมตัวลงน้อยกว่าระดับการไหว้พระผู้มีพระคุณพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้
หญิง ยืนตรง ย่อเข่าลงน้อยกว่าระดับการไหว้พระผู้มีพระคุณ โดยถอยเท้าข้างใดข้างหนึ่งเล็กน้อยพร้อม
กับยกมือไหว้

เศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระราชดำริ

 

ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง

                “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทาง การดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำ แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลง
                มีหลักพิจารณา ดังนี้
                กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็นโดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤติ เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
                คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
                คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน ดังนี้
      1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกิดไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
     2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
    3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
                เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรุ้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
     1. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
    2. เงื่อนไขความธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความชื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความพากเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี


แพนด้าท้อง

เฮ!! หลินฮุ่ย ท้องแล้ว ลุ้นลูกหมีแฝด

Share
คนไทยเตรียมเฮ!! แพนด้าหลินฮุ่ยท้องอีก ลุ้นอาจได้ลูกแฝด ขณะ องค์กรสวนสัตว์ ฯ มีมติยกเลิกกนำหมีขาวเข้ามาจัดแสดงในไทย หวั่นไม่กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวแถมทรมานสัตว์
          เมื่อเร็วๆนี้  (6 ก.ค.54) นายภิมุข สิมะโรจน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย  ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องหมีขาว ที่ทางองค์กรสวนสัตว์แห่งประเทศไทยและคณะกรรมการมีมติให้จัดสร้างอาคารและจะ นำหมีขาวจากขั้วโลกมาจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เพื่อเป็นเหมือนงาน “รวมมิตรหมี” เพราะตอนนี้ทางสวนสัตว์เชียงใหม่มีหมีควาย หมีหมา หมีแพนด้าแล้ว จึงอยากจะได้หมีขาวขั้วโลกเข้ามาจัดแสดงด้วยนั้น ปรากฏว่ามีกระแสทั้งคัดค้าน และสนับสนุน ซึ่งแต่ละฝ่ายมีเหตุผลที่น่าฟังทั้งสองด้าน โดยฝั่งที่เห็นด้วยก็คิดว่าจะนำหมีขั้วโลกมาส่งเสริมการท่องเที่ยวสวนสัตว์ เชียงใหม่ ส่วนฝั่งที่ไม่เห็นด้วย ก็มองว่าจะเป็นการทรมานสัตว์

          ทั้งนี้ ทางองค์กรสวนสัตว์ได้นำเรื่องทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบอร์ดแล้ว และ มีมติยกเลิกการนำหมีขาวมาจัดแสดงในประเทศไทย ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่สามารถตอบโจทย์หรือพิสูจน์ได้ว่า หากนำหมีขาวขั้วโลกมาจัดแสดงแล้วจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่าง ที่ได้ตั้งเป้าไว้หรือไม่ ส่วนอาคารที่ได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วก็จะหาวิธีปรับปรุงเพื่อนำสัตว์อื่น มาแทนหรือไม่ก็จัดทำเป็นศูนย์เรียนรู้ที่มีประโยชน์ต่อไป
ส่วนผลจากการตรวจอัลตร้าซาวด์ของแพนด้าหลินฮุ่ย จากการที่ได้ทำการผสมเทียมให้ เมื่อวันที่ 24 และ 25 เมษายนที่ผ่านมานั้น มีการเก็บตัวอย่างของปัสสาวะเพื่อตรวจดูระดับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมการตั้งท้อง จนกระทั่งได้ตรวจพบว่าระดับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในปัสสาวะเริ่มเพิ่มสูง ขึ้น เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน หรือ 45 วันหลังจากผสม ล่าสุดได้ทำการตรวจการตั้งท้องด้วยวิธีการอัลตร้าซาวด์เพื่อหาตัวอ่อนไป เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม  และ ได้ทำการตรวจซ้ำอีกครั้งรอบสอง ในวันที่ 6 กรกฏาคมที่ผ่านมา

          โดยจากการตรวจอัลตราซาวน์ทั้งสองครั้งพบว่า มี ความต่อเนื่องกัน พบส่วนที่เป็นมดลูก พบผนังมดลูกที่หนาตัวขึ้นเพื่อรับการฝังตัวของตัวอ่อน พบโพรงมดลูก และยังพบส่วนที่คล้ายถุงหุ้มตัวอ่อน ซึ่งเมื่อพยายามตรวจลึกลงไปก็เห็นภาพจุดที่มีการเต้นเป็นจังหวะปรากฏขึ้นบน หน้าจอคล้ายกับการเต้นของหัวใจถึง 2 จุดด้วยกัน กระทั่ง ล่าสุด พบว่าหลินฮุ่ยเริ่มมีพฤติกรรมการเลียบริเวณอวัยวะเพศปรากฏเพิ่มขึ้นอีกพฤติกรรมหนึ่ง
ดังนั้นจึงพอสรุปได้จากผลการอัลตร้าซาวด์และพฤติกรรมที่เพิ่งพบล่าสุดว่า ยังต้องทำการตรวจติดตามต่อไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าจะตรวจพบตัวอ่อนอย่างชัดเจน หรือจนกว่าจะมีการคลอด จึงจะสามารถยืนยันได้แน่ชัด ตอนนี้ก็ต้องลุ้นว่าหลินฮุ่ย จะคลอดลูกวันไหน และจะได้ลูกแฝดหรือไม่

การฝึกระเบียบวินัย

การอบรมจิตใจและการฝึกระเบียบวินัย      ความสำคัญอยู่ที่ว่าเรามีความสัมพันธ์กับลูกมากน้อยเพียงใด ความรักและความผูกพันมีความสำคัญมากกว่าความพยายามหาวิธีต่างๆมาอบรมลูกดังนั้นการไวต่อความรู้สึก ความต้องการของลูก เป็นเรื่องที่พ่อแม่จะต้องพยายามที่จะเข้าใจให้ลึกซึ้งและยังต้องสอนลูกให้นึกถึงผลของพฤติกรรมของเขาต่อผู้อื่นและคนรอบข้างให้มาก เราเรียกวิธีการฝึกแบบนี้ว่า วิธีการอบรมลูกแบบรักและผูกพัน
    ทุกวันนี้หากเรามาวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับระเบียบวินัยและระเบียบสังคม เมื่อสืบสาวหาต้นตอจะได้ความว่า เป็นเพราะความเฉยชาต่อความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น การปรับพฤติกรรมของลูกจึงควรจะเน้นเรื่องความสำคัญของความใกล้ชิด การให้เวลาอย่างมีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้จะทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างพ่อแม่และลูกเกิดขึ้น มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อธิบายให้เห็นความดี ความงามและความถูกต้อง เป็นกำลังใจให้ลูก เรียกว่าเป็นวิธีปฏิบัติโดยอาศัยความรัก ความผูกพันระหว่างพ่อ-แม่-ลูก เป็นหลัก

รูปแบบการอบรมจิตใจและฝึกระเบียบวินัยชนิดต่างๆ 

   เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการอบรมลูกแบบรักและผูกพัน เรามาดูวิธีที่ใช้กันทั่วๆไปในการอบรมลูก วิธีต่างๆที่ใช้กันพอจะประมวลได้เป็นสามรูปแบบด้วยกันคือ แบบใช้อำนาจ แบบการสื่อสาร และแบบการเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งสามรูปแบบเป็นคำแนะแนวสำหรับปรับพฤติกรรมเด็ก ซึ่งแต่ละรูปแบบมีจุดแข็งและจุดอ่อนทั้งนั้น อย่างไรก็ตามทุกรูปแบบมีประโยชน์ตามสถานการณ์ และเวลา แม้ว่าแต่ละรูปแบบจะไม่เพียงพอและเหมาะสมที่จะใช้ในทุกเวลาและสถานการณ์

รูปแบบการอบรมแบบใช้อำนาจ

    รูปแบบนี้เป็นวิธีการอบรมที่ใช้กันเป็นประเพณีมานาน เน้นการใช้อำนาจ พ่อแม่เป็นผู้สั่งให้ลูกทำตาม หากเด็กไม่ปฏิบัติตาม ก็จะถูกลงโทษ ผู้ใหญ่มักจะอ้างว่าตัวเองมีอำนาจในฐานะพ่อหรือแม่ คำพูดที่มักได้ยิน ได้แก่ “ฉันเป็นพ่อ และลูกก็เป็นแค่เด็ก ฉันว่าอย่างนี้ก็ต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ทำตามฉัน ฉันจะแสดงให้เห็นว่าใครใหญ่ในบ้านนี้” การอบรมลูกรูปแบบนี้แม้ในบางครั้งอาจจะจำเป็นก็ตามแต่ก็ไม่เหมาะสม

ส่วนที่ดีของการใช้อบรมแบบใช้อำนาจคือ 
     เป็นการแสดงว่าพ่อแม่ต้องรับผิดชอบลูกตัวเอง ลูกอาจต้องการต้นแบบการใช้อำนาจในบางครั้งว่าจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ดังนั้นรูปแบบการใช้อำนาจยังเป็นส่วนสำคัญในการอบรมและฝึกระเบียบวินัยลูกอยู่ อย่างไรก็ตาม การอบรมเลี้ยงดูด้วยวิธีนี้อาจเกิดปัญหา เรื่องหนึ่งก็คือ ลูกอาจไม่รู้ว่าพ่อแม่ทำด้วยความรัก เด็กอาจรู้สึกกลัวอำนาจของพ่อแม่และส่งผลต่อเขาในวัยผู้ใหญ่


รูปแบบการใช้อำนาจอาจไม่ได้ผล ด้วยเหตุหลายประการประการแรก
คือ พ่อแม่มักเน้นหรือลงโทษในสิ่งที่ลูกทำไม่ดี ทำให้ลืมหรือมองข้ามสิ่งดีๆของลูกไป พ่อแม่จะไม่ได้เรียนรู้วิธีที่จะสนิทสนมกับลูกตัวเอง เพราะมัวแต่ใช้อำนาจลงโทษลูก


ประการที่สอง
คือ เด็กจะประพฤติตามที่พ่อแม่สั่ง แต่เขาจะรู้สึกไม่พอใจ คับข้องใจ การเป็นเช่นนี้บ่อยๆเข้า ทำให้เขาต้องอดกลั้นควบคุมตนเองและเก็บกดไว้ เมื่อไรก็ตามที่เขาไม่สามารถควบคุมตนเองไว้ได้เขาอาจแสดงความก้าวร้าวออกมารุนแรง หรือที่เรียกว่าน๊อตหลุด

ประการที่สาม
คือ เด็กจะไม่มีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆเพราะสิ่งที่เขาทำไปนั้นจะทำเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่และไม่ได้อยู่ในการดูแลของพ่อแม่แล้ว เขาจะไม่มีระเบียบวินัยหรือขาดแรงจูงใจที่จะควบคุมตนเองเพราะไม่มีการขู่ ถึงผลร้ายที่ตามมาอย่างที่เคยชินในสมัยเด็ก



ท่องเที่ยวทั่วไทย

น้ำตกปิ๊ตุ๊โกร
เรื่อง...ปิ๊ตุ๊โกร สายน้ำแห่งยอดเขามะม่วงสามหมื่น
แนวทางของคนค้นหาธรรมชาติ ที่มิได้เพียงแค่เราคนเดียวเท่านั้นที่เปิดตัวในเส้นทางธรรมชาติ ก็ยังมีกลุ่มคนรักธรรมชาติอีกหลายกลุ่ม ที่มีความหลากหลายในรูปแบบของกลุ่มหรือสไตล์การเที่ยวป่าที่แตกต่างกันไป
ถึงวันนี้ที่เราได้ค้นพบกับน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทยในผืนป่าตะวันตกทางด้านอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากยอดเขามะม่วงสามหมื่น มีสายน้ำสีขาวไหลพาดขุนเขาสีเขียวที่เราจะเห็นได้ชัดในยามหน้าฝน หากหมดช่วงฤดูฝน สายน้ำตกแห่งนี้ก็ลดจางหายไป
เป็นความพยายามของเราได้เห็นน้ำนิรนามเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เราได้เข้าไปค้นหาน้ำตกสายนี้ในช่วงหน้าหนาว แต่ก็ต้องผิดหวังกลับมา เพราะไม่สามารถผ่านแนวหน้าผาสูงไปได้ ประกอบกับน้ำน้อย และคนนำทางยังไม่ชำนาญดีนัก
จนกระทั่งได้มีการบุกเบิกและเปิดตัวน้ำตกนิรนามจากขุนเขามะม่วงสามหมื่นแห่งนี้ ซึ่งเรียกนามน้ำตกนี้ว่า เปรโต๊ะลอซู
เนื่องด้วยสายน้ำตกแห่งนี้ได้กำเนิดจากลำห้วยปิ๊ตุ๊โกร จึงขอเรียกนามน้ำตกนี้ตามภาษาท้องถิ่นว่า น้ำตกปิ๊ตุ๊โกร
 อุ้มผางในช่วงหน้าฝน ก็แลดูเงียบเหงา นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยมาก ก็เป็นเรื่องปกติของการท่องเที่ยวในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะเที่ยวตามช่วงวันหยุดสำคัญๆ  จึงทำให้อุ้มผางเงียบอย่างเห็นได้ชัด
เสร็จจากอาหารเช้าและเตรียมอาหารมื้อเที่ยงไปด้วย เนื่องด้วยเป้าหมายที่บ้านกุยเลอตอนั้นอีกยาวไกล กว่าจะได้เริ่มเดินป่ากันก็น่าจะเป็นช่วงเที่ยงแน่นอน ยิ่งเส้นทางสายอุ้มผาง-บ้านเปิ่งเคลิ่ง นั้นย่ำแย่กว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากฝนตกหนัก ถนนที่ถูกบดย่ำด้วยรถปิกอัพที่บรรทุกราวกับรถ 6 ล้อ รถบางคันก็ติดร่องลึก ไปไม่ไหว จนต้องถ่ายของออก
ส่วนรถตู้ที่เรามาด้วย เจ้าของท่าทางใจถึง และมั่นใจกับระบบ 4 WD แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อล็อกล้อหน้าไม่ทำงาน มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากรถตู้ธรรมดานี้เอง  
ศาลาปากทางเข้าหมู่บ้านกุยเลอตอที่เป็นจุดศูนย์นัดหมายของคนเดินทางสู่น้ำตกปิ๊ตุ๊โกร ก็เป็นไปตามที่คาดหมาย เราได้ทานข้าวเที่ยงก่อนออกเดินทางเข้าสู่ป่า โดยผ่านป่าไผ่ที่ร่องรอยวัวที่ย่ำจนกลายเป็นโคลนเละ เราต้องย่ำรอยเท้าหลบเลี่ยงโคลน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินที่น่าเบื่อมา เมื่อผ่านไร่ข้าวที่แลดูเขียวสดใสปกคลุมบนเนินเขา
ทะลุเข้าสู่แนวป่าที่เราได้ข้ามลำห้วยปิ๊ตุ๊โกร ด้วยสะพานไม้ไผ่ที่ทำให้หัวใจหวิวๆ กลัวจะพลาดท่าร่วงตกน้ำหากทรงตัวไม่ดี ต่อจากนั้นก็จับเส้นทางเข้าสู่ป่าทึบ ลุยน้ำทวนลำห้วยขึ้นไป ช่วงเส้นทางเดินลุยตามน้ำ ค่อนข้างมีปัญหา ถ้าหากคนนำทางทิ้งช่วงห่างจนไม่เห็นหลัง ร่องเท้าไม่มีให้เห็นได้แกะรอย ทำให้เราต้องเร่งเท้าก้าวตามไปติดๆ
ตัดจากน้ำขึ้นไปตามแนวทางด่านที่มุ่งขึ้นไปยังสันเขา ที่เชื่อมไปยังเป้าหมายที่ฐานน้ำตกปิ๊ตุ๊โกร  เราต้องข้ามลูกไม่สูงเท่าไหร่นักไปประมาณ 2-3 ลูก เมื่อถึงยอดเขาสูงเป็นจุดชมวิว เราก็พบกับสายน้ำตกปิ๊ตุ๊โกร ไหลตกจากหน้าผาสูง  เป็นสายน้ำสองสาย ที่ไหลมาบรรจบกัน ประกอบกับในยามนี้ที่มีสายฝนปรอยๆ ทำให้เกิดเป็นหมอกบดบังยอดเขาและสายน้ำตกบางส่วน จึงเป็นภาพสายน้ำตกในม่านหมอก ดูสวยดีอยู่ แต่ถ่ายภาพไม่ได้
แค้มป์ท่ามกลางป่าไผ่ที่มีแมลงริ้นไรคอยรบกวนอยู่ตลอดเลา ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ ที่เราต้องเฝ้ามองสายน้ำตกที่เพิ่มปริมาณน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าฝนตกอย่างนี้โอกาสที่จะเห็นสายน้ำตกสวยๆ ยากเต็มที
กระทั่งวันรุ่งเช้า ฝนก็ยังไม่เลิกตกซะที จะเว้นวรรคเป็นช่วงสั้นๆ  พวกเราข้ามน้ำลุยป่าไปยังฐานน้ำตกด้านล่าง พบเห็นสายน้ำไหลทะลักมาจากยอดผาสูงที่เราต้องข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม เพื่อขึ้นไปยังมุมที่สามารถมองเห็นน้ำตกได้ทั้งสองสายที่ไหลมาบรรจบกัน
ฝนเริ่มตกหนาเม็ดมากขึ้น สายหมอกยังปกคลุมปลายยอดน้ำตก จนไม่สารถมองเห็นต้นสายปลายน้ำได้เลย เห็นเพียงแค่สายน้ำตกช่วงล่างที่ไหลจากหน้าผาด้านซ้ายและด้านขวามาบรรจบเป็นสายเดียว
ท่ามกลางฝนที่ตกหนักขึ้น ทำให้การถ่ายภาพมีอุปสรรคและมีปัญหามากมาย มีผู้ช่วยคอยกางร่มให้ ช่วยให้การบันทึกภาพน้ำตกผ่านไปด้วยดี ถ้าไม่มีเขา เราก็ไม่ได้ภาพแน่นอน เพราะทั้งละอองน้ำและเม็ดฝนลอยฟุ้งมาตลอดเวลา
ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกจะรอให้ฝนหยุด แต่ดูวี่แววแล้วจะไม่เป็นเช่นนั้น สายน้ำในลำห้วยไหลเชี่ยวกรากเป็นขุ่นข้นให้เห็นว่าเป็นน้ำป่าไหลมาจากยอดเขามะม่วงสามหมื่น กระแสน้ำที่ไหลรุนแรงแบบนี้เราข้ามไม่ได้แน่นอน เรารอจนกะเหรี่ยงนำทางได้เข้ามาช่วย ด้วยการทำสะพานธรรมชาติเกาะข้ามน้ำไปได้
กลับมาถึงที่พัก ก็เก็บสัมภาระออกเดินป่าต่อไปยังเป้าหมายบนสันเขามะม่วงสามหมื่น ที่เป็นจุดชมวิวสวยงาม มองเห็นน้ำตกปิ๊ตุ๊โกร ไหลมาจากยอดเขาสูง พร้อมกันนี้ก็ยังเป็นทำเลที่เราได้เห็นสันเขาที่เป็นทุ่งหญ้าบนเทือกเขามะม่วงสามหมื่นด้วย 

จากระดับความสูงที่ 529 เมตร ในบริเวณหน้าน้ำตก เราได้มุ่งหน้าไต่สันเขาย้อนขึ้นไปยังที่พักบนสันเขาในระดับความสูง 1,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล 
สภาพเส้นทางไต่ระดับความสูงที่เอียงลาดชัน ด้านล่างก็เป็นหุบเหวลึก เส้นทางปกคลุมด้วยทุ่งหญ้า เราก็เลียบเลาะไต่เขาไปท่ามกลางม่านหมอกที่ปกคลุมยอดเขาจนขาวโพลน พร้อมกับเสียงดังกระหึ่มอยู่ในม่านหมอกสีขาว กระทั่งจนถึงสันเขาที่มีลานกว้าง เป็นที่พักค้างแรม
 เราใช้เวลาไมถึง  2 ชั่วโมง ก็ได้มาถึงที่พัก จึงจัดการผูกเปลเตรียมที่พักจนพร้อม ขณะเดียวกันเราได้มองเห็นการเคลื่อนตัวของม่านหมอก เป็นจังหวะสภาพอากาศเปิดจนมองเห็นแนวขุนเขาทะมึนสูง พร้อมกับมองเห็นสายน้ำตกปิ๊ตุ๊โกร ไหลพาดผ่านแนวเทือกเขาสีเขียว พร้อมกับสายหมอกที่ลอยเคลียคลอตามแนวขุนเขาและสายน้ำตก
บางช่วงเวลาสั้นๆ ทีสภาพอากาศเปิดโล่ง จากเดิมทีที่มองไม่เห็นอะไรเลย กลุ่มที่นั่งจิบกาแฟดื่มด่ำกับบรรยากาศสายหมอก เมื่อได้เห็นภาพที่ค่อยๆ เปิดแย้ม จนมองเห็นภาพที่สวยงามยิ่งใหญ่ ได้กลายเป็นความรู้สึกประทับใจอย่างไม่รู้ลืม เมื่อได้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของน้ำตกปิ๊ตุ๊โกร จากขุนเขามะม่วงสามหมื่นแห่งนี้
ภาพทุกภาพที่เราบันทึกเอาไว้ ถือว่าเป็นช่วงโอกาสสำคัญที่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ถ้าหากสภาพอากาศเปิดตลอดทั้งวัน  เราจะเดินขึ้นไปเที่ยวบนสันเขาที่มีสภาพเป็นทุ่งหญ้ายาวตลอดทั้งสันเขา และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทะเลภูเขาของผืนป่าอุ้มผางได้เต็มตา และยังได้มองเห็นแนวยอดเขาสูงสุดของเขามะม่วงสามหมื่นที่มีระดับความสูงประมาณ 1,734  เมตร
แต่ด้วยสภาพปิดสนิททำให้เราต้องยกเลิกการขึ้นไปเที่ยวบนสันเขา ประกอบกับสภาพอากาศแปรปรวน เมื่อมีกระแสลมพัดมารุนแรงตลอดเวลา ซึ่งเราดูวี่แววว่าจะไม่เข้าท่าแล้ว จะชวนกันกลับ แต่คนนำทางบอกว่าจะลำบาก มันจะมืดระหว่างแล้วจะมีปัญหาต่อการเดินป่า จึงต้องยกเลิกและพักค้างแรมกันต้องต่อสู้กับสายลมและฝนกันต่อไป
น้ำตกปิ๊ตุ๊โกร แห่งขุนเขาดอยมะม่วงสามหมื่น จัดว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตามที่วัดพิกัดความสูงได้ประมาณ 500 เมตร เป็นน้ำตกที่เพิ่งรู้จักและจะเกิดให้เห็นได้ชัดๆ ในช่วงฤดูฝนเท่านั้น และน้อยคนที่จะได้เห็นและเข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง เพราะว่าเป็นเส้นทางเดินป่าในช่วงหน้าฝนที่มีความยากลำบากพอประมาณ แต่เมื่อได้ไปเห็นมาแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียวเลยล่ะ
 การเดินทาง
กรุงเทพฯ-แม่สอด  มีรถทัวร์ประจำทาง ทั้ง บขส. โทร.0-2936-2841-48,0-2936-2852-66 ต่อ 442, 311 หรือทันจิตต์ทัวร์ โทร.0-2936-3210-4
แม่สอด-อุ้มผาง มีรถสองแถวประจำทาง  
อุ้มผาง-บ้านกุยเลอตอ มีรถสองแถวประจำทาง   แต่ควรเหมารถไปส่ง-ไปรับดีกว่า
หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ควรไปถึงอุ้มผางตั้งแต่เช้ามืด แล้วเดินทางไปยังบ้านกุยเลอตอ  หากเริ่มเดินเท้าได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้าก็น่าจะดี คาดว่าจะถึงน้ำตกราว 4 โมงเย็น

การติดต่อ

 ควรติดต่อคนนำทาง จะตุ๊ ธาราแม่กลอง16 หมู่ 6 .แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก 63170 โทร.0-5551-9092 (เป็นเบอร์บ้านผู้ใหญ่บ้าน ให้ตามได้)

การเตรียมตัว

เนื่องจากเส้นทางเดินป่าน้ำตกปิ๊ตุ๊ลอซูและเขามะม่วงสามหมื่นนี้ เป็นเส้นทางใหม่ ไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแต่อย่างใด จึงควรใช้บ้านที่ชำนาญเส้นทางนำทางหรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น
อุปกรณ์ที่ควรจัดเตรียมขึ้นไป ควรเลือกใช้เต็นท์หรือเปล ถุงนอน เครื่องกันหนาว  อุปกรณ์ป้องกันฝน และอุปกรณ์เดินป่าอื่นๆ ที่แต่ละคนจะถนัด
ส่วนสภาพาร่างกายควรฟิดกำลังขาให้แกร่ง เพราะเส้นทางค่อนข้างชัน

13 วิธีการออม


13 วิธีการออมเงินอย่างง่าย
            ในเวลาปัจจุบัน เงินเป็นปัจจัยจำเป็นสำหรับคนทุกคน เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากเราใช้ไปโดยไม่ยั้งคิดหรือฟุ้มเฟือย ปัจจัยชนิดนี้ก็จะหมดไปโดยฝากความลำบากไว้ให้กับเราในอนาคต ดังนั้นการออมเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องปฏิบัติให้สม่ำเสมอ ควรปลูกฝังการประหยัดเงินตั้งแต่อายุน้อยเพื่ออนาคตจะได้ไม่ต้องพบเจอกับเจ้าปีศาจที่ไม่เป็นที่ประสงค์ของคนทุกคนคือ ความจนกับความลำบาก นั้นเอง
            วิธีการในการออมเงิน สามารถทำได้ดังนี้
1.      ลงทุนซื้อกระปุกออมสินมาวางไว้ในที่ที่พบเห็นบ่อยครั้ง เช่น โต๊ะทำงาน ข้างเครื่องคอมพิวเตอร์ บนหัวเตียง ข้างรูปสุดที่รัก หรือแม้แต่หน้าห้องอาบน้ำ เป็นต้น เลือกเอาที่ใดที่หนึ่ง เพื่อเป็นการฝึกนิสัยการออม โดยจะได้ไม่ลืมใช้เงินอย่างฟุ้มเฟือยและหยอดออมสินทุกครั้งที่มีเงินเหลือ
2.      หัดรู้จักคำว่า ความจำเป็น กับ น่ารัก เพราะของทุกอย่างล้วนมีระดับความจำเป็นไม่เท่ากัน การซื้อโดยคำนึงแต่คำว่าน่ารักแล้วอยากได้อย่างเดียวนั้นไม่พอดังนั้นจึงควรคิดพิจารณาก่อนหยิบยื่นตรงแคชเชียร์ทุกครั้ง จะได้ไม่เสียใจเมื่อซื้อในภายหลัง เว้นแต่ว่าของสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่อยากได้จริงๆ เห็นสิ่งอื่นๆที่สวยกว่าเราไม่สนและเหมาะสมกับสภาพเงินที่มีก็สมควรซื่อได้เพื่อสนองความต้องการ
3.      วิธีนี้สำหรับคนที่ชอบจดชอบเขียนคือทำ แบบบันทึกรายรับรายจ่าย อาจทำเป็นสมุดเล่มเล็กเพื่อพกพาไปได้ทุกที่ จ่ายอะไรไปก็จดไว้ ได้มายังไงก็จดไป พอครบกำหนดก็รวมรายรับรายจ่าย วิธีนี้สามารถตรวจต่อมความฟุ้มเฟือยของเราได้เป็นอย่างดี
4.      หากรู้ตัวว่าต้องไปในที่ๆมีแต่ของฟุ้มเฟือย แพงหูฉีกจนแม้แต่เกิดใหม่ซักกี่ชาติก็ไม่สามารถหาตังค์มาซื้อได้ ให้ท่านยืนสงบนิ่งซักแป็บ แล้วเงินทั้งหมดออกจากกระเป๋า จะได้ไม่ต้องพกให้เมื่อยกุงเกงแถมประหยัดอีกต่างหาก
5.      ซื้อกระเป๋าที่มีช่องลับเยอะๆสำหรับพกไปเดินห้างสรรพสินค้าที่มีแต่ของสุรุ่ยสุร่าย เอาไว้ซ่อนเงินแล้วเวลาเกิดอยากได้อะไร พอเปิดกระเป๋าก็จะหาไม่เจอ ไม่ต้องจ่าย ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องเสียเงิน ประหยัดแบบวัยรุ่นยุคใหม่ ได้ทั้งความเท่ ประหยัดและปลอดภัยจากมิจฉาชีพ (แต่ต้องไม่ซ่อนจนลืมที่ซ่อนนะ)
6.      เอาเงินไปฝากธนาคารแบบฝากประจำ อันนี้เป็นวิธีที่หลายคนนิยม ปลอดภัยสุดๆเมื่อเม็ดเงินของคุณถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีในตู้นิรภัยหนากว่าฟุต
7.      ฝึกทำงานพิเศษ หารายได้ด้วยตนเองโดยไม่ง้อแบเงินขอพ่อแม่ให้ลำบากท่าน วิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับนักศึกษาทั้งที่เรียนอยู่และจบทำงานแล้ว เพื่อฝึกให้เห็นถึงความลำบากของการหาเงินและคุณค่าของเงินที่หลายคนหลงลืมไป
8.      ซื้อของลดราคา สามารถหาได้ง่ายตามศูนย์การค้าทั่วไป (แม้แต่คนเขียนยังชอบ)
9.      เอาล่ะสิ วิธีนี้เหมาะกับแม่บ้านหัวไวหรืออนาคตนักคณิตศาสตร์โดยเฉพาะ คิดเลขเร็วไง...เวลาซื้ออะไรก็รวมรายจ่ายไว้ในสมอง ใช้ประกอบกับข้อสองวิธีนี้ก็จะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น เผลอๆโตขึ้นได้ติดอันดับกินเนสบุคด้านคิดเลขเร็ว
10.  อย่าหลงคำโฆษณาชวนเชื่อจากปากโฆษกขี้โว (ขี้โม้) โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกชอบชวนคุยและพวกที่ยิ่งคุยเข้าหูเราก็ยิ่งต้องระวังกันใหญ่
11.  ฝากเงินไว้ที่เพื่อน นัดเวลาเอาเงินคืน ถือเป็น ATM  เคลื่อนที่ไปในตัว แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ต่อเราจริงๆเดี๋ยว ATM จะกลายเป็นตู้หยอดเหรียญแทน (ให้แล้วไม่ได้คืนอะดิ)
12. อยู่ว่างๆร้องเพลง "คนมีตังค์" ดังๆ ได้ทั้งความสนุก สู้ชีวิต เผลอๆได้ (เศษ) ตังค์จริงๆด้วย
13.เรียนรู้กับหลักดำเนินชีวิตที่ในปัจจุบันกำลังนิยมมากคือ เศรษฐกิจพอเพียง ในข้อนี้สำคัญมากเพราะเป็นสิ่งที่ในหลวงของเราทรงย้ำเตือนคนไทยมากว่าหลายปี เป็นสิ่งที่ทุกคนควรอย่างยิ่งที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ถวายเป็นความภักดีเพื่อพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทย


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=979352#ixzz1RbxpS1cn